วิดีโอการทำนวดทาปาก
การทำนวดทาปาก
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
บทที่
5
สรุปผลและอภิปรายผลงาน
สรุป
การทำโครงงานนวดทาปากครั้งนี้ทำให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันสืบค้นหาข้อมูลและปฏิบัติเป็นรูปเล่มโครงงาน
เพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และนอกจากนี้ยังเป็นการศึกษาวิธีการทำ
และลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
อภิปราย
1.
สามารถนำเอาโครงงานมาเป็นแบบอย่างในการศึกษาข้อมูลในการทำครั้งต่อไป
2.
ใช้ประโยชน์จากรูปเล่มโครงงานไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
3.
นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
4.
ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
ในการทำโครงงานเรื่องนวดทาปากในครั้งนี้
ทำให้ได้รู้และศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาประยุกต์ใช้และได้รับประโยชน์ ดังนี้
1.
รู้และนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกวิธี
2.
ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆและนำมาจัดทำเป็นรูปเล่มโครงงาน
เพื่อการศึกษาต่อไป
3.
นำไปประกอบการเรียนรู้ในวิชาที่เกี่ยวข้อง
4.
ได้เรียนรู้และฝึกทักษะการทำนวดทาปาก
ข้อเสนอแนะ
นวดแต่ละที่ไม่เหมือนกัน เรียกว่าสูตรใครก็สูตรมันคะ
อย่างแถวๆอิสานส่วนใหญ่จะผสมขมิ้นลงไป จึงมักมีสีเหลืองนวล
ทิ้งไว้นานจะขึ้นไขเล็กน้อย เนื้อแข็งแต่ลื่น
ถ้าเป็นนวดแบบโบราณที่เคยเจอจะกะทิลงไปด้วย เนื้อจะเหนียวๆไม่แข็งแบบที่เคี่ยวด้วยน้ำมันล้วนๆ
ส่วนนวดผสมมักเป็นสีขาวใส เนื้อเหนียวแบบวาสลินข้นๆแต่แข็งกว่าหน่อย
และเนื้อเป็นมันลื่น นวดหากเก็บไม่ดีมดชอบหม่ำนักแล เพราะว่ามันหอมหวล
ส่วนนวดผสมมีกลิ่นแบบน้ำอบไทยอย่างชัดเจน นวดมีหลายรูปทรงแล้วแต่ท้องถิ่น แถบอิสานมักเป็นรูปถ้วย
ส่วนนวดผสมมักเห็นเป็นก้อนสีเหลี่ยม
จากประสบการ์การใช้สีผึ้งแล้วปากแดงขึ้นแต่ว่ามันหนืดมั่กมัก
ทาสีผึ้งบำรุงและช่วยให้ปากแดงขึ้น ทานวดทับลงไปเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างมากมาย
สำหรับหนุ่ม ที่สึกใหม่ๆ คิ้วยังไม่มี
หากอยากให้คิ้วดกดำขึ้นไวๆ ให้เอาสีผึ้งทาบางๆตามแนวคิ้วเดิม
คิ้วจะขึ้นไวแถมดกดำหล่อเข้มขึ้นมาเชียว
สำหรับผู้ที่มีปัญหาปากแห้งแตก ให้ทานวดก่อน
แล้วจึงทาด้วยสีผึ้ง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาปากคล้ำดำทะมึน
ให้ทาสีผึ้งก่อน แล้วให้ทานวดตาม
วิธีทำ
นวดทาปาก
1. เตรียมส่วนผสมให้พร้อมทุกอย่าง
2. ติดไฟจากเตา
แล้วนำหม้อที่นำส่วนผสมต่างๆรวมกันขึ้นตั้งบนเตาไฟ
(ไม่ควรใช้ไฟแรงจนเกินไป) แล้วคนให้เข้าที่ตามความเหมาะสม นำน้ำใบเตยมาผสมกับน้ำกะทิลงในกระทะ แล้วคนให้เข้ากัน
3.ใช้ไม้สะอาดคน
และกวนไปเรื่อย ๆระวังอย่าให้ไฟแรง ต้องหมั่นคน และต้องใจเย็น ๆ
เคี่ยวไปจนกะทิเริ่มแตกมัน และตกตะกอนสีเหลือง และจะมีน้ำสีเหลือง นั่นคือ
น้ำกะทิและน้ำใบเตยที่เคี่ยวจนได้ที่แล้ว
4.จากนั้นกรองเอาแต่ส่วนที่ตกตะกอนสีเหลือง ที่เป็นน้ำสีเหลืองใสๆหรือเรียกว่าน้ำมันมะพร้าวใส่ภาชนะไว้
วิธีทำ การนำขี้ผึ้งมาผสม
1.นำภาชนะที่ใส่น้ำมันมะพร้าวเทใส่กระทะ
จากนั้นนำขี้ผึ้งที่หั่นเป็นชิ้นพอประมาณ
ใส่ในอัตราส่วนระหว่างขี้ผึ้งกับน้ำมันมะพร้าว
2.พอใส่ขี้ผึ้งลงไปแล้ว
หลังจากนั้นคนจนให้ขี้ผึ้งละลาย
3.หลังจากขี้ผึ้งละลายแล้ว
แล้วนำไปกรองเอาสิ่งสกปรกออก จากนั้นนำไปเทใส่ภาชนะที่จะทำเป็นผลิตภัณฑ์ทิ้งไว้ให้เย็น
แล้วรอจนแข็งตัว และสามารถนำมาใช้ได้ได้
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)